พรรคประชารัฐร้าวเหยียบหัว ส.สเพื่อรักษาอำนาจประยุทธ์
สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยนั้นก็ได้มีฉากใหญ่อยู่ปนระมาณสองฉาก และใน ฉากแรกก็คือว่าหลัง โควิด19 รัฐบาลก็คงจะมาตรการทางเศรษฐกิจที่มีความเข้มข้นต่อไปจนกว่าจะมีผู้ที่ติดเชื้อใหม่เป็นศูนย์
และไม่ใช่เป็นศูนย์แค่เพียงหนึ่งวันแต่ว่ามันจะต้องเป็นศูนย์ยาวถึง14วัน เพราะฉะนั้นภายในเดือนพฤษภาคม จำเอาไว้เลยว่ามันคงจะไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญก็คงจะมีการผ่อนปนบ้างในบางระดับแต่จะไม่มีการผ่อนปนอย่างมีนัยสำคัญแบบที่ทุกคนนั้นจะไปทำมาหากินได้
แบบที่ทุกคนจะมีชีวิตที่ดีแบบที่เรานั้นจะดูแลตัวเองได้ก่อนที่รัฐบาลจะปิดเมืองนั้น ซึ่งภายในเดือนพฤษภาคมเรื่องราวนี้จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะต้องเป็นขุมกําลังในการปรับประเทศสู่การสร้างสภาวะสมดุลแต่ด้วยศักยภาพของรัฐบาล ซึ่ง รัฐบาล พล เอก ประยุทธ์จันทร์โอชา ก็ได้ได้แค่การ เคอร์ฟิว การจับประชาชน
การใช้มาตรการ เชิงทำลายล้าง เป็นมาตรการแบบนี้มันไม่ใช่รัฐบาลที่เชิงแนวความคิดสร้างสรรค์ซึ่งรัฐบาลนั้นทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็จะเจอปัญหาแบบนี้ว่าจะต้องทำประเทศไปสู่การสร้างสรรค์สมดุลใหม่ แต่รัฐบาลนั้นสร้างสมดุลใหม่ไม่ได้ ภายใต้ที่รัฐบาลนั้นสร้างสมดุลใหม่ไม่ได้ ปัญหาความยากจน ปัญหาความไม่พอใจ ที่คนส่วนใหญ่มีแต่ความเยียวยา
ที่มีความล่าช้าของรัฐบาล ความล่าช้าในการช่วยเหลือคนจนจะสร้างบรรยากาศทางการเมืองแบบนี้ที่ทำให้การเมือง หลัง โควิด19 เต็มไปด้วยความตรึงเครียดมันจะไม่สวยงามอย่างรัฐบาลอย่างแน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่คนของรัฐบาล ได้แห่กันออกมา ด่า ประชาชน ด่า สายฝน ซึ่งได้ตายไปแล้วว่าเป็นคนที่ตาย
เพราะเรื่องการเมือง ด่า คนที่ไปประท้วงที่หน้าคลังว่าเป็นเพราะ พวก ที่ไม่ได้ เดือดร้อนจริง จะเป็นพวกที่จะไว้เงินบริจาก ด่า คนที่ฆ่าตัวตาย อย่างที่ เอ๋ ปารีณา ด่า ว่าเป็นพวกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวและตายเพราะเข้าใจผิดนั้น ซึ่งใน คำพูดนี้มันจะทำให้ รัฐบาลนั้นจะจบลงแบบ ศพไม่สวย และ พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรค
ซึ่งต้นกำเนิดจริงๆกําพืดจริงๆของพรรคมาจาก ร้อยพ่อ พันแม่ ซึ่งก็ได้มีการพูดออกมาว่า ณ เวลานี้ พรรคพลังประชารัฐมีอยู่5มุ้งใหญ่ๆ มุ้งที่1ก็คือมุ้งของกลุ่มสีรัฐมนตรี มุ้งที่2ก็คือ คุณสมศักดิ์ มุ้งที่3ก็คือ กปปส มุ้งที่4ก็คือของคุณวิรัช และ คุณสุชาติ สส.ชลบุรี และ มุ้งที่5 ก็คือ มุ้งของคุณธรรมนัส ซึ่งทั้งหมด 5 มุ้งนี้ 5 กลุ่มนี้
ซึ่งก็มีความสัมพันธ์บางครั้งก็ดีและบางครั้งก็มีไม่ดี เป็นความสัมพันธ์เชิงต่อรองเป็นความสัมพันธ์เชิงจัดสรค์ผลประโยชน์ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของทุกพรรคการเมืองและทุกพรรคการเมืองมีปัญหาก็ต้องมาให้ความเป็นธรรมกับพรรคพลังประชารัฐด้วยเหมือนกันไม่มีพรรคการเมืองไหนในโลกทั้งพรรคสามัคคีหัวใจเป็นหนึ่งเดี่ยวกัน
สนับสนุนเรื่องราวโดย bk8